วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พาลาโบลิค
     และสามารถเพิ่มพลังงานให้สูงขึ้นได้อีก จากพลังงานแสงอาทิตย์ ( แผงรับความร้อน Solar Heat Water )
โดยมีความร้อนสะสมจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นของเหลวนำความร้อนสะสมไว้ใช้ได้ในเวลากลางคืน 
เพื่อผลิตพลังงานภายในระบบได้สูงสุดถึง 300 องศาเซลเซียส  
ซึ่งสามารถ ทำให้ระบบได้รับพลังงานสูงสุดที่ 700 Psi  จากการรับความร้อนเข้ามาในระบบที่อุณหภูมิไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส





ราคาเครื่องจักรกลพลังงานอุณหภูมิ ต่อ 1 MW เพียง 50 ล้านบาท สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง
ผลกำไรจากโรงไฟฟ้า VSPP ชนิดนี้ จะมีกำไรอย่างน้อย  ที่ 100KW 792,000 บาท ต่อเดือน  และที่ขนาด 1 MW จะมีกำไรสูงถึง เดือนละ 7,920,000 บาท ต่อเดือน
ผลกำไรปีละ 95,004,000 บาท  ( เก้าสิบห้าล้านสี่หมื่นบาท )  คืนทุนภายใน 6 เดือนครึ่ง
เรามีเทคโนโลยีใหม่ สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเครื่องจักรกลพลังงานอุณหภูมิ

หลักการในการหยุดโลกร้อนได้คือ 
การดูดซับความร้อนออกจากชั้นบรรยากาศเบื้องล่างของโลก บริเวณพื้นผิวโลก ด้วยสารเคมีดูดซับความร้อน และนำเอาความร้อนที่ได้นี้ไปผลิตกระแสไฟฟ้า
เมื่อความร้อนหายไป ก็เกิดความเย็นขึ้นแทน และความเย็น จะถูกปลดปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกเย็นลง

ข้อมูลรายละเอียด จาก www.theenergy.biz

จากเทคโนโลยีของ Akesirikul  และดำเนินการโดย บริษัท ทรินิตี้ เอ็นเนอร์ยี จำกัด เราให้บริการเทคโนโลยีพลังงานอุณหภูมิ Thermal Energy หรือพลังงานแสงอาทิตย์ยุกต์ใหม่
เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนต่ำ  VSPP ขนาด 100KW - 10 MW 
หมายเหตุ เทคโนโลยีพลังงานอุณหภูมิสามารถขยายโครงการได้นับเป็น 1000 MW หรือ นับ 10000 MW และเป็น Free Energy ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายทางด้านเชื้อเพลิงใดๆ

เครื่องจักรกลพลังงานอุณหภูมิ ใช้พื้นที่ในการสร้างโรงไฟฟ้าต่อ 1MW ไม่เกิน  100 ตารางวา   
เป็นพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์  Soler Themal แต่ไม่ใช่ Solar Sell
เทคโนโลยีพลังงานอุณหภูมิ Solar Themal มีระบบดูดซับพลังงานความร้อนต่ำ จากแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีผลเสียต่อสภาวะแวดล้อม ไม่มีการปล่อยมลพิษใดๆ  รอบๆ โรงไฟฟ้าจะเกิดความเย็น เพราะเครื่องจักรจะปลดปล่อยความเย็นออกทิ้งสู่ภายนอก
สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องต้นทุน ทางด้านเชื้อเพลิง  100% Free Energy
เพราะเราใช้เทคโนโลยีในการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานอุณหภูมิความร้อนต่ำ ซึ่งได้ดูดซับมาจากอุณหภูมิความร้อนของบรรยากาศบริเวณพื้นผิวโลกตามท้องถิ่น 
ใช้สารเคมีแบบหมุนเวียน เป็นตัวดูดซับความร้อนจากบรรยากาศภายนอกเข้ามา และทำให้เกิดแรงดันสูง เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง  
สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้จากพลังงานความร้อนต่ำ จากบริเวณที่ตั้งของโรงไฟฟ้า ที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 25-40 องศาเซลเซียส
 ได้พลังงานสูงถึง 337 Psi
กำลังการผลิต 100 KW จนถึง 10 MW 24 ชั่วโมงต่อวัน





ทำอย่างไรให้โลกเย็นลง

มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้โลกเย็นลงได้ และสามารถหยุดสภาวะเรื่อนกระจกได้อย่างสิ้นเชิง นั้นคือการดูดความร้อนออกจากชั้นบรรยากาศบริเวณพื้นผิวของโลก

ณ ปัจจุบันนี้ ประเทศไทยได้ก่อกำเนิดโครงการเทคโนโลยีทดแทนใหม่ เพื่อการแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้อย่างยั่งยืน

นั้นคือ เทคโนโลยีพลังงานอุณหภูมิ โดย Akesirikul  นักวิจัย และพัฒนาพลังงานทดแทนใหม่ เชื้อสายไทย
เทคโนโลยีหยุดโลกร้อน                                โลกร้อนสามารถหยุดได้ด้วยเทคโนโลยีพลังงานอุณหภูมิ
 www.theenergy.biz

   

โลกขอเราทุกวันนี้ มีชั้นบรรยากาศห่อหุ้ม และมีก๊าซต่างเป็นส่วนประกอบอยู่หลายอย่าง โดยมีก๊าซที่เป็นหลักสำคัญดังต่อไปนี้             
ก๊าซไนโตรเจน (78%) ออกซิเจน (20.9%) และก๊าซอาร์กอน (0.93%)  ตามสัดส่วนของปริมาตรของอากาศตามธรรมชาติ 
ก๊าซทั้งสามชนิด มีปฏิกิริยากับพลังงงานแสงอาทิตย์และความร้อนที่เกิดจาก โลกน้อยมาก
 
ก๊าซที่เป็นตัวการสำคัญในการก่อให้เกิดภาะวะโลกร้อน ได้แก่
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์(N2O) และก๊าซโอโซน (O3)  ก๊าซเหล่านี้มีคุณสมบัติในการกักเก็บ และส่งผ่านรังสีความร้อนที่เกิดจากพลังงานแสงอาทิตย์และความร้อนที่เกิดขึ้นจากโลกออกสู่อวกาศ โดยก๊าซกลุ่มนี้ถูกเรียกว่าก๊าซเรือนกระจกหรือ Greenhouse gas (GHG) 
เนื่องจากก๊าซเหล่านี้ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับการที่กระจกกักเก็บความร้อนจากแสงแดดไว้ภายในอากาศ 
ก๊าซเรือนกระจกมีสัดส่วนน้อยกว่า 0.1% ของปริมาตรของอากาศตามธรรมชาติ ชั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกอยู่นี้จะทำหน้าที่กักเก็บความร้อนส่วนหนึ่งไว้ไม่ให้ผ่านออกสู่อวกาศ ทำให้โลกมีอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้

นับวันความแปรปรวนของภูมิอากาศและภัยพิบัติจะรุนแรงมากขึ้นทุกขณะในทั่วภูมิภาคของโลก... ภาวะแห้งแล้งยาวนานในแอฟริกาเหนือ การเกิดคลื่นความร้อนในทวีปยุโรป ฝนตกหนัก น้ำท่วมหนัก ฤดูกาลผิดปกติในหลายส่วนของโลก รวมถึงการเกิดพายุเฮอร์ริเคนที่ทำลายเมืองนิวออร์ลีนของสหรัฐอเมริกาอย่างย่อยยับไปทั้งเมือง แม้กระทั่งประเทศไทยที่โดนน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี...

มนุษย์โลกนี่แหละครับคือต้นเหตุของปัญหา และมนุษย์โลกนี่แหละครับต้องเป็นผู้แก้ปัญหานี้เอง
ตามพิธีสารเกียวโตหรือ Kyoto Protocol สามารถสรุปได้ถึงแนวทางที่จะนำมาใช้เป็นกลไกการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ คือ
1. ต้องใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
2. ต้องใช้พลังงานทางเลือกที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (Low Carbon Energy) เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานลมโดยใช้กังหันลม (wind turbine)
3. เสริมสร้างมาตรการ Carbon offsetting สร้างแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การปลูกป่า ลดการทำลายป่า และอนุรักษ์ป่าเขตร้อน
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆ
 
1. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการศึกษา
   จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาผลิตสื่อการเรียนการสอนที่เรียกว่าCAIนั้นทำให้เกิดปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน เช่น 
  - ครูกับนักเรียนจะคาดความสัมพันธ์และความใกล้ชิดกั เพราะนักเรียนสามารถที่จะเรียนได้จากโปรแกรมสำเร็จรูป
             ทำความสำคัญของโรงเรียนและครูลดน้อยลง
  - นักเรียนที่มีฐานะอยากจนไม่สามารถที่จะใช้สื่อประเภทนี้ได้ทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างนักเรียน
             ที่มีฐานะดีและยากจนทำให้เห็นว่าผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ ก็ย่อมที่จะมีโอกาสทางการศึกษาและทางสังคมดีกว่าด้วย
2. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสิ่งแวดล้อม
   - เกิดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมทั้งนี้ก็เพราะมนุษย์นำเทคโนโลยีทางด้าน IT ไปพัฒนาอย่างผิดวิธีและนำไปใช้ใน
         ทางที่ผิด เพราะมุ่งเพียงแต่จะก่อประโยชน์ให้แก่ตนเองเท่านั่น
3. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคม
    - ทำให้เกิดปัญหาการว่างงานของแรงงานเพราะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานมนุษย์อีก
    - การปรับตัวเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ของพนักงานที่มีอายุมากหรือมีความรู้น้อยก็จะทำให้พวกเขา
         ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ยากต้องมีความรู้จึงจะเข้าใจได้
    - สมาชิกในสังคมมากรดำเนินชีวิตที่เป็นแบบต่างอยู่ไม่มีความสัมพันธ์กันภายในสังคมเพราะต่างมีชีวิตที่ต้องรีบเร่งและ          ดิ้นรน
 
4. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อเศรษฐกิจ
     - มนุษย์สามารถจับจ่ายมากขึ้น เพราะมีบัตรเครดิตทำให้ไม่ต้องพกเงินสด หากต้องการซื้ออะไรที่ไม่ได้เตรียมการไว้ร่วงหน้า
 ก็สามารถซื้อได้ทันที เพียงแต่มีบัตรเครดิตเท่านั้นทำให้อัตราการเป็นนี้สูงขึ้น
     - การแข่งขันกันทางธุรกิจสูงมากขึ้นเพราะต่างก็มุ่งหวังผลกำไรซึ่งก็เกิด ผลดีคืออัตราการขยายตัวทางธุรกิจสูงขึ้นแต่
         ผลกระทบก็เกิดตามมาคือ บางครั้งก็มุ่งแต่แข่งขันกันจนลืมความมีมนุษย์ธรรมหรือความมีน้ำใจไป
5. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสุขภาพจิต
     - เมื่อการดำเนินชีวิตจากเดิมที่เป็นแบบเรียบง่าย ต้องเปลี่ยนมาปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้เกิด
 ความเครียด ความวิตกกังวล ไม่ว่าจะให้หน้าที่การงานหรือการดำเนินชีวิตประจำวันก็ตาม
     - พฤติกรรมของเยาวชน โดยเฉพาะพวกเกมส์คอมพิวเตอร์ทำให้เยาวชนพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบการต่อสู้ การใช้กำลัง เป็นต้น
         นักธุรกิจก็ต้องทำงานแข่งกำเวลา ไม่มีเวลาได้พักผ่อนก็ก่อให้เกิดความเครียด สุขภาพจิตก็เสียตามมาด้วย
ที่มา:  http://www.loveeducation.net/pic_hilight/H200090.jpg
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
 
1.ด้านการติดต่อสื่อสาร 
    มนุษย์จะสามารถรับรู้ข่าวสารกันได้อย่างไม่มีอุปสรรคดังคำที่ว่าโลกไร้พรมแดนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็จะสามารถที่จะติดต่อกับผู้อื่นได้โดยเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั่นเอง
 
2.ด้านการศึกษา 
   นักเรียนนักศึกษาในอนาคตมีแนวโน้มที่จะสามารถเรียนจากที่บ้านได้โดยไม่ต้องไปโรงเรียนเหมือนปัจจุบันโดยการเรียนการสอนทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศและความรู้ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตนั้นก็มีไม่จำกัดสาขาวิชา สามารถที่จะค้นคว้าจากห้องสมุดต่างๆได้ทั่วโลก
 
3.ด้านการดำเนินชีวิต
   มนุษย์จะมีชีวิตที่สุขสบายมากยิ่งขึ้น เพราะคอมพิวเตอร์จะมีการพัฒนาในรูปแบบของหุ่นยนต์เพื่อทำงานแทนมนุษย์ งานที่ต้องใช้แรงงานและความละเอียดสูงก็จะใช้หุ่นยนต์ทำแทนอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านก็จะควบคุมโดยคอมพิวเตอร์มนุษย์ไม่ต้องคอยดูแลความปลอดภัยหรือความเรียบร้อยภายในบ้านเอง แต่จะมีโปรแกรมคอยตรวจสอบทั้งหมดเป็นต้น
 
4.ด้านสุขภาพ
    วงการแพทย์จะมีความก้าวหน้าในการรักษาโรคมากขึ้น เพราะจะมีระบบแพทย์ออนไลน์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ก็จะเผยแพร่ให้ทุกคนได้รับรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต แพทย์ทั่วโลกสามารถที่จะร่วมมือกันในการปฏิบัติงานได้
 
5.ด้านการท่องเที่ยวและความบันเทิง
     สามารถทำผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋ว การตรวจสอบสถานที่ การสอบถามข้อมูล การดูหนังฟังเพลงต่างๆตลอดจนการซื้อของโดยที่เราไม่ต้องเดินซื้อของตามห้างสรรพ สินค้าเอง
ที่มา :  http://www.consumersurat.org/data/images/3g_iphone51.jpg
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ
          องค์กรต่างๆจะมีการใช้ปรุโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มมากขึ้น เช่น องค์กรของรัฐ โรงพยาบาล โรงเรียน อุตสาหกรรม ธุรกิจต่างๆ เนื่องจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะมีความหลากหลายทำให้คอมพิวเตอร์จะมีการใช้งานที่ง่ายขึ้นมีการพัฒนาโปรแกรมที่ทำงานเฉพาะด้านต่างๆได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบในเครื่องเดียวกัน คือจะมีความเป็น Multimedia มากขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานก็จะมีการประมวลผลที่เร็วขึ้น และในทางกลับกันก็จะมีขนาดเล็กลงด้วย แม้แต่การติดต่อสื่อสารกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้ง่ายดังที่หลายๆคนมักพูดว่า โลกเราแคบลงทุกๆวัน นั่นก็เป็นเพราะเรามีการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆมาอำนวยความสะดวกมากขึ้น การติดต่อสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอัน      รวดเร็วสิ่งที่องค์กรต่างๆจะต้องคำนึงถึงในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ก็คือ
  1)ความจำเป็น อย่างเช่น ถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีบุคลากรในองค์กรไม่มาก การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศก็อาจทำให้สินเปลือง
งบประมาณและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่จะใช้แรงงานจากมนุษย์ก็เป็นได้
  2)การพัฒนาของเทคโนโลยี ซึ่งการพัฒนาของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็วการนำเทคโนโลยีมาใช้จึงต้องคำนึงถึงอนาคตด้วย
ว่าแนวโน้มการพัฒนาของเทคโนโลยีต่อไปจะเป็นอย่างไร องค์กรจะต้องใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการพัฒนาในอนาคตด้วย
  3)การบริหารจัดการ จะต้องเหมาะกับรูปแบบขององค์กร ความได้เปรียบเสียเปรียบทางด้านการตลาดเป็นต้น
ที่มา :  http://www.mahatai.org/pictures/album_news/09048pic.jpg